ทำไมทักษะทางสังคมและอารมณ์จึงมีความสำคัญ
เด็กที่มีทักษะทางอารมณ์และสังคมที่มั่นคงจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในโรงเรียน และในชีวิต นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเราต้องช่วยพัฒนาให้เด็กมีความเชื่อมั่นในตนเอง ให้รู้จักควบคุมตนเอง และสอนให้รู้วิธีการสร้างเพื่อน
การพัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง ความเชื่อมั่นในตนเองของเด็ก หมายถึง การมีทัศนคติที่ดีในการใช้ชีวิต ไม่กลัวที่จะพยายามทำสิ่งใหม่ๆ ไม่ท้อถอยกับสิ่งที่ยากขึ้น และมีความพยายามที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับเด็ก เราต้องวางแผนกิจกรรม เตรียมสื่ออุปกรณ์ที่มีความท้าทาย แต่ต้องไม่ยากจนเกินไป เพื่อให้เด็กประสบผลสำเร็จ เมื่อเราเห็นว่าเด็กสนใจอะไร เราก็สนับสนุนให้เด็กได้ทดลอง และหาคำตอบ ด้วยตนเองโดยผ่านการเล่น
การเรียนรู้ที่จะควบคุมตนเอง เด็กที่รู้จักควบคุมตนเองจะเป็นคนที่สามารถจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ เมื่อโกรธหรือหงุดหงิดก็จะไม่แสดงออกด้วยการโวยวาย ตะโกนเสียงดัง แต่จะใช้การพูดคุยเพื่อแก้ปัญหา ครูที่ดีจะสอนให้เด็กรู้จักวิธีการจัดการกับอารมณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการพูดคุย เช่น ถ้ามีเพื่อนมาตีเขา เขาควรจะพูดว่า “ฉันไม่ชอบที่เธอตีฉัน หยุดเดี๋ยวนี้” หรือ ถ้ามีเพื่อนมาแย่งของเล่น เราก็จะสอนให้เขาบอกเพื่อนว่า “ฉันยังเล่นของเล่นนี้อยู่ ถ้าเธออยากเล่นต้องรอให้ฉันเล่นเสร็จก่อน”
การสร้างเพื่อน เด็กทุกคนจำเป็นต้องมีเพื่อน เด็กที่ไม่มีเพื่อนจะไม่มีความสุข เขาจะรู้สึกโดดเดี่ยว และรู้สึกว่าไม่มีใครชอบเขา และอาจจะทำให้ไม่อยากไปโรงเรียนเมื่อเขาโตขึ้น ครูที่ดีต้องช่วยเหลือและสอนให้เด็กรู้จักสร้างเพื่อน และรักษาเพื่อนไว้ด้วย
เด็กๆ เรียนรู้ทักษะทางสังคมและอารมณ์จากการกระทำที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อเขา ตารางด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างพฤติกรรมและการสอนทักษะทางสังคมและอารมณ์
สื่งที่ครูทำ | สิ่งที่ครูพูด | เหตุผล |
1. ครูนั่งลงและพูดคุยกับเด็กที่กำลังรู้สึกหงุดหงิด | “ครูอยากรู้ว่าอะไรทำให้หนูหงุดหงิด บอกครูซิว่า เกิดอะไรขึ้น ครูจะได้ช่วยหนูได้” | เพื่อให้เด็กรู้ว่า เราสนใจเขา เราเป็นห่วงเขา |
2. บอกให้เด็กรู้ว่า ครูอยากเห็นพฤติกรรมเชิงบวก | “อยู่ในห้องเรียนเราต้องเดิน ถ้าหนูวิ่งหนูอาจจะหกล้มแล้วเจ็บ ถ้าเล่นที่สนามจึงจะวิ่งได้” | เพื่อช่วยให้เด็กเรียนรู้กติกา และบอกให้ทราบว่าทำไมต้องทำตาม กติกา |
3. สนับสนุนให้เด็กช่วยเหลือเพื่อน | “แนนกำลังทำงานสำคัญ เขากำลังเช็ดโต๊ะหลังจากระบายสีเสร็จ ใครจะช่วยแนนได้บ้าง” | เพื่อกระตุ้นให้เด็กช่วยเหลือเพื่อนและแบ่งความรับผิดชอบในห้องเรียน |
4. สอนให้เด็กรู้จักสังเกตการแสดงอารมณ์ทางสีหน้า ท่าทาง | “ดูที่หน้าของเอซิ เธอกำลังโกรธ มาช่วยกันหาหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น จะได้ช่วยเธอได้” | เพื่อสอนให้เด็กเรียนรู้วิธีการแสดงออกทางอารมณ์ และพัฒนาการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น |
5. ช่วยให้เด็กสงบและใช้คำพูดเพื่อแก้ไขปัญหา | “หนูทั้งสองคนรู้สึกไม่พอใจและหงุดหงิด หยุดทะเลาะกัน หายใจเข้าลึกๆ แล้วเล่าให้ครูฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น เราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาได้ | เพื่อสอนให้เด็กรู้จักวิธีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ |